|
TVD ปลุก IPO รุ่นน้องคึก!!! TVD เปิดเทรดวันแรกสุดบรรเจิดพุ่ง 128.57% จากราคาจองที่ 2.10 บาท ปลุกกระแสรุ่นน้อง 13 บริษัท ที่จ่อเข้าตลาด mai-SET คึกคัก0 ขณะที่ บล.ทิสโก้ ฟันธง! หนุน IPO สดใส แถมการันตีให้ผลตอบแทนเยี่ยม ระบุเรียกแขกลุยต่อเนื่อง ส่วนผู้บริหาร TVD ปลื้มวันแรกหุ้นทะยานบวก ฟาก HOTPOT จ่อขายหุ้นกลางเดือนก.ย.นี้ จำนวน 101 ล้านหุ้น ด้าน CNS คาดสิ้นปีเข็นเข้าตลาด mai 1 ดีล -ปี 56 มีอีก 3 ดีล
***TVD
เปิดเทรดวันแรกคึกคักพุ่ง 128.57%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานนี้ (23 ส.ค.55) หุ้น IPO ของ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ หรือ mai เป็นวันแรก ปรากฏว่าราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 4.80 บาท เพิ่มขึ้น 2.70 บาท หรือ 128.57% จากราคา IPO ที่ 2.10 บาท สำหรับที่ผ่านมามีหุ้น IPO ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จำนวน 3 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย 1.บริษัท ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ VIH 2.บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV และ 3. บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA ส่วนตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) มีจำนวน 2 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย 1. บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW และ 2.บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC โดยการซื้อขายวันแรก 9 พ.ค. 2555 หุ้น VIH เปิดที่ 2.22 บาท เพิ่มขึ้น 0.97 บาท หรือ 77.6% จากราคา IPO ที่ 1.25 บาท/หุ้น , หุ้น AAV ซื้อขายวันแรก 31 พ.ค. 2555 เปิดที่ 4.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 8.10% จากราคา IPO ที่ 3.70 บาท และ SRICHA ซื้อขายวันแรก 31 พ.ค. 2555 เปิดที่ 18.50บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 23.33% จากราคา IPO ที่ 15.00 บาท ในขณะที่ PJW ซื้อขายวันแรก 28 ก.พ. 2555 เปิดที่ 4.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 25% จากราคา IPO ที่ 3.60 บาท และ UWC ซื้อขายวันแรก 12 ก.ค. 2555 เปิดที่ 3.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท หรือ 66.67% จากราคา IPO ที่ 1.80 บาท ***13 บริษัท จ่อเข้าเทรดในตลาด mai-SET ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการรวบรวมหุ้นที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีจำนวนทั้งสิ้น 13 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย 1.บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT 2.บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI 3.บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA 4.บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ADC 5.บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) หรือ AKP 6.บริษัท สยาม อมาโก้ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMACO 7.บริษัท เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ APLUS 8.บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA 9.บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI 9.บริษัท ฮอต พอท จำกัด (มหาชน) หรือ HOTPOT 10.บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE 11.บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS 12.บริษัท ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMC 13.บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL ***บล.ทิสโก้ ฟันธง! TVD ปลุกกระแสหุ้น IPO คึก-ให้ผลตอบแทนเยี่ยม นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสำนักวิจัย บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่าจากสถิติของราคาหุ้น IPO ที่ซื้อขายภายในปีนี้ มีแน้วโน้มราคาปรับตัวดีเกินคาดทุกบริษัท โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจากราคาจองทุกบริษัท ซึ่งถือว่าหุ้นที่เพิ่งขาย IPO ปีนี้ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก แต่การลงทุนในหุ้น IPO มี 2 ส่วนที่นักลงทุนต้องศึกษาคือ พื้นฐานของบริษัท และราคา P/E ในตลาด " โดยพื้นฐานของหุ้น IPO ปีนี้ ส่วนใหญ่ราคาจองจะมีส่วนลดอยู่ที่ประมาณ 20 - 30% จากราคา IPO ซึ่งพอเวลาบริษัทจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ จึงทำให้มีความต้องมาก ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนที่สูง จึงทำให้นักลงทุนที่ไม่ได้รับการจัดสรรเข้ามาเก็งกำไรในช่วงเปิดตลาดฯ และทำให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น" นายอภิชาติ กล่าว นอกจากนี้ยังมองว่าราคาที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งก็มาจากพื้นฐานของบริษัทที่จะซื้อขายหุ้น IPO ซึ่งหากราคาของหุ้นปรับตัวสูงมากแล้วนักลงทุนก็ไม่ควรเข้าไปเสี่ยงลงทุน เพราะราคาของหุ้นอาจสูงกว่า P/E ฉะนั้นจึงต้องการแนะนำให้นักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้น IPO ต้องศึกษาหรือต้องอ้างอิงข้อมูลของราคาพื้นฐานด้วย อย่างการเข้าซื้อขายของหุ้น IPO ในวันแรก ของหุ้น TVD ที่เปิดตลาดราคาปรับขึ้นเกินกว่า 100% จากราคา IPO ที่ 2.10 บาท อาจปรับขึ้น เพราะสะท้อนผลประกอบการของบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตสูง แต่มองว่าหุ้นดังกล่าวมี P/E อยู่ที่ 25 เท่า ถือว่าสูงมากแล้ว รวมทั้งถือได้ว่าการขายหุ้น IPO ของ TVD ในครั้งนี้มีโอกาสเรียกกระแสความสนใจจากนักลงทุนได้มาก ส่วนแนวโน้มของหุ้น IPO ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเป็นสีสันของตลาดหุ้นไทยได้ เนื่องจากจะดึงดูดผู้ประกอบการและนักลงทุนให้สนใจเข้าจดทะเบียนในตลาดและลงทุนมากขึ้น แต่คงจะไม่มีผลมากพอต่อการขับเคลื่อนของตลาดฯ มากนัก ***FSS ให้ราคาเป้าหมาย TVD ปีหน้า 5 บ./หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ประเมินราคาเป้าหมายของ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ปีหน้าไว้ที่ 5 บาท เพิ่มขึ้นจากที่เคยประเมินไว้ 3 บาทในช่วงก่อนกระจายหุ้นจากกำไรในไตรมาส 2/2555 ที่ดี เกินคาดที่ 29 ล้านบาท +2,061% Q-Q, +111% Y-Y ทำให้กำไร 1H12 +82% Y-Y แนวโน้ม 2H12 สดใสจากการบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายและการคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 9% เป็น 89 ล้านบาท +156% Y-Y คาดกำไร 3 ปีข้างหน้า โตเฉลี่ย 43% ต่อปี ณ ราคา IPO 2.10 บาทคิดเป็น PE เพียง 8.8 เท่าปีนี้และ 6.0 เท่าปีหน้า ต่ำกว่า PE ตลาด MAI ที่ 14 เท่าและกลุ่มค้าปลีกที่ 20 เท่าอย่างมาก ***TVD ปลื้มเทรดวันแรกราคาหุ้นพุ่ง นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เปิดเผยว่ารู้สึกดีใจ หลังจากที่หุ้น IPO ของบริษัทฯ เปิดการซื้อขายวันแรกเมื่อวานนี้ ราคาหุ้นเปิดที่ระดับ 4.80 บาท ซึ่งยืนเหนือราคาจองที่ 2.10 บาท 'คาดว่าที่ราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้น น่าจะมาจากปัจจัยของธุรกิจที่เติบโตขึ้นทุกธุรกิจ และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศเวียดนาม สิงคโปร์และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทฯ มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ' นายทรงพล กล่าว นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตประมาณ 17% จากปีก่อนที่ทำได้กว่า 1,902 ล้านบาท หลังจากบริษัทฯ เพิ่มสินค้ามากขึ้น ประกอบกับมีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีรายได้ไปแล้ว 1,152 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 30.64 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงช่องทางใหม่ๆ อย่างเคเบิลทีวี หรือโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่มียอดผู้ชมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถขายสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวได้มากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคาดว่าจะมีรายได้เฉลี่ยเติบโตปีละ 20% ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มของธุรกิจทีวีดาวเทียมที่ปรับตัวเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีผลต่อยอดขายของบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย สำหรับปัจจุบันบริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ เช่น พันธมิตรในประเทศจีน จำนวน 7-8 ราย โดยบริษัทต่างๆ จะผลิตสินค้าส่งเข้าสู่บริษัทฯ เพื่อให้สามารถย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาในการทยอยเข้ามาลงทุนในประเทศประมาณ 17-18 เดือน อย่างไรก็ตาม หากพันธมิตรย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทยจะทำให้บริษัทฯ ลดต้นทุนในการขนส่งและสต็อกสินค้าให้ปรับตัวลดลง โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีการนำเข้าสินค้ากว่า 40-50% ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่นำเข้าจะนำมาจากประเทศจีนประมาณ 95% จากสินค้าของบริษัทฯ ปัจจุบันที่มีกว่า 1,500 รายการ ***HOTPOT จ่อขายหุ้น IPO กลางเดือนก.ย.นี้ 101 ล้านหุ้น นางสาวสกุณา บ่ายเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) หรือ HOTPOT เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนที่จะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 101 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาท ในช่วงกลางเดือนกันยายน 2555 ก่อนจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือนกันยายน นี้ เช่นกัน ทั้งนี้หุ้น IPO ของบริษัทฯ จะแบ่งเป็นหุ้นใหม่ประมาณ 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 15% และหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมประมาณ 40 ล้านหุ้น หรือ 10% ซึ่งเป็นหุ้นของกองทุนออรีออส เซาท์ อีสท์ เอเชีย และกองทุนส่วนบุคคลธนาคารออมสินที่เดิมมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 35% แต่หลังจากขายหุ้น IPO สัดส่วนจะลดลงเหลือประมาณ 19% สำหรับราคาหุ้น IPO น่าจะสรุปได้ประมาณต้นเดือนกันยายน 2555 โดยจะสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบันก่อน (Book Build) ซึ่งจะมีบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย " ในช่วงที่ผ่านมา 2-3 ปี (ปี 2552-2554) บริษัทมีรายได้เติบโตประมาณ 20-30% ต่อปี แต่บริษัทไม่เคยจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น เนื่องจากนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจ เพื่อให้มีจำนวนสาขาเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทก็มีนโยบายจ่ายเงินปันผลประมาณ 40% ของกำไรสุทธิ" นางสาวสกุณา กล่าว ส่วนปีนี้บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโต 20-30% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,470 ล้านบาท แต่หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai แล้ว บริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตเรื่อยๆ แต่หลังจากนั้น 3-4 ปี อัตราการเติบโตอาจจะลดลงเหลือ 15-20% ต่อปี ส่วนการขยายสาขาในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 20 สาขา ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 12 สาขา ทำให้มีสาขารวม 131 สาขา และคาดว่าสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 145 สาขา ตามเป้าหมาย โดยใช้งบลงทุนประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อสาขา อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นราคาสินค้าบริษัทฯ ได้ปรับราคาสินค้าขึ้นไปแล้วประมาณ 7-8% หรือประมาณ 20 บาทต่อหัว จากราคา 299 บาท มาเป็น 319 บาท ตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ปรับเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน ที่มีผลบังคับตั้งแต่เดือนเม.ย.2555 ฉะนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง บรษัทฯ คงยังไม่ปรับราคาสินค้า แต่สำหรับปีหน้าหากจะปรับราคาสินค้าคงจะเป็นอัตราเดียวกันกับปีที่ผ่านมาประมาณ 7-8% ***CNS คาดสิ้นปีเข็น IPO เข้าตลาด mai 1 ดีล -ปี 56 มีอีก 3 ดีล นายเอกจักร บัวหภักดี ผู้อำนวยการสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าสิ้นปีนี้จะได้เห็นดีล IPO อีก 1 ดีล ซึ่งเป็นธุรกิจประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ (mai) เพราะเตรียมยื่นไฟลิ่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในสิ้นเดือนนี้ สำหรับปี 2556 บริษัทฯ มีดีล IPO อยู่ปัจจุบันจำนวน 3 ดีล ซึ่งเป็นธุรกิจโลหะมีค่า ธุรกิจสัญญาณติดรถยนต์ และธุรกิจพลังงงานทดแทน โดยธุรกิจสัญญาณติดรถยนต์จะเข้าจดทะเบียนใน SET ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ทั้งนี้ภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯ ยังได้ร่วมกับ บลจ.ฟินันซ่า ในการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวมกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ***KGI เผย Q4/55 เตรียมดัน IPO เข้า SET อีก 1 บริษัท นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เปิดเผยว่า คาดว่าภายในไตรมาส 4/2555 บริษัทฯ จะมีการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO ให้แก่บริษัท 1 แห่งซึ่งประกอบธุรกิจสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน โดยจะเสนอขายหุ้นให้แก่นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) อย่างไรก็ดีจะสามารถนำเข้าเทรดในสิ้นปีนี้ได้หรือไม่ ยังต้องประเมินผลว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งได้ทันหรือไม่ ส่วนในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะนำหุ้น IPO เข้าจดทะเบียนในตลาดฯอีกประมาณ 5 บริษัทในกลุ่มธุรกิจวิศวกรรม โดยจะแบ่งเป็นจดทะเบียนใน SET 3 บริษัท และ mai 2 บริษัท ขณะที่แผนการ M&A อยู่ระหว่างการเจรจา 2-3 บริษัทในกลุ่มธุรกิจบริการ โดยภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุป 1 บริษัท เป็นธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาซื้อกิจการภายในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ดีบริษัทที่อยู่ระหว่างการเจรจาไม่ใช่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย สำหรับแนวโน้มรายได้ธุรกิจไอบี ปีนี้ถือว่าเป็นไปตามแผนแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ***BTS กำหนดอัตราส่วนหุ้น BTS 367.00-442.80 ต่อ 1 หุ้น VGI บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า บมจ. วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BTS ถือหุ้นใหญ่ทางอ้อมในสัดส่วน 96.44% จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป(IPO) จำนวน 88,000,000 หุ้น โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัดเป็นที่ปรึกษาการเงิน ซึ่ง VGI ได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ VGI จำนวน 25,074,432 หุ้น เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นสามัญของ BTS โดยอัตราส่วนการจัดสรร หุ้นสามัญของ BTS 367.22- 442.80 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท) จะได้รับสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ VGI จำนวน 1 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท)(เศษหุ้นที่เป็นทศนิยมที่เกิดจากการคำนวณสิทธิจะถูกปัดทิ้ง) ทั้งนี้ BTS จะแจ้งถึงอัตราส่วนหุ้นสามัญของ BTS ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ VGI ที่แน่นอน ให้ทราบผ่านช่องทางเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯภายในวันที่ 5 กันยายน 2555 ภายหลังจากที่ BTS ทราบจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท ณ วันที่ 4 กันยายน 2555 วันที่กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ VGI ในวันที่ 4 กันยายน 2555 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 แห่งพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 5 กันยายน 2555 โดยราคาเสนอขายหุ้นจะเป็นราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ซึ่งจะกำหนดและแจ้งให้ทราบในภายหลังผู้ถือหุ้นสามัญของ BTS จะมีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญของ VGI ในจำนวนน้อยกว่าหรือเท่ากับสิทธิที่ตนจะได้รับ โดยห้ามจองซื้อเกินกว่าสิทธิที่ผู้ถือหุ้นได้รับ ทั้งนี้ หากมีหุ้นเหลือจากการจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นสามัญของ BTS แล้ว VGI จะนำหุ้นดังกล่าวไปเสนอขาย IPO ต่อไป นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์จะไม่ขึ้นเครื่องหมายบนหลักทรัพย์ของ BTS สำหรับการให้สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ VGI ดังกล่าว เนื่องจากการให้สิทธิดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างทุนของ BTS อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ขอแจ้งให้ทราบว่า ผู้ซื้อหลักทรัพย์ BTS ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2555 เป็นต้นไป จะไม่ได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ VGI ***FA เผย "สยาม อมาโก้ฯ" เล็งเข้าตลาด mai ปีนี้ น.ส.ธัญญรัตน์ กำพลวัชรา รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.โกลเบล็ก ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษท สยาม อมาโก้ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทคาดว่าจะสามารถนำสยาม อมาโก้ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ทันภายในปีนี้ หลังจากที่ยื่นไฟลิ่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ไปเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ทาง ก.ล.ต.ได้ติดต่อมาเพื่อเข้ามาเยี่ยมชมกิจการบริษัทดังกล่าวภายในเดือนนี้ ทั้งนี้ สยาม อมาโก้ฯ มีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)จำนวน 65 ล้านหุ้น โดยมีเป้าหมายที่จะระดมเงินทุนราว 100 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูงไม่เกิน 8 ชั้น ซึ่งบริษัทมีโครงการใหม่ที่จะดำเนินการย่านมีนบุรี หลังจากประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการในซอยลาดพร้าว 71 มาแล้ว ส่วนการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้จะมี บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS) เข้ามาเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายด้วย |
เพื่อเป็นการสะสมและแ่บงปันข้อมูลในการซื้อขายหุ้น ต้องขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูลทั้งหลายครับ
Thursday, August 23, 2012
ปลุก IPO รุ่นน้องคึก
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment