Thursday, June 14, 2012

ASP แนะเก็บหุ้นก่อนปิดไตรมาส 2


ASP แนะเก็บหุ้นก่อนปิดไตรมาส 2

       บล.เอเซีย พลัส แนะนักลงทุนเก็บหุ้นก่อนปิดไตรมาส 2 ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เหตุให้ผลตอบแทนสูงกว่า 70% จากแรงซื้อหุ้นของกองทุนในประเทศเพื่อทำราคาปิดงบ กลุ่มเด่น กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม อาหาร ธนาคารพาณิชย์ ขณะภาวะซื้อขายหุ้นวานนี้ สถาบัน และนักลงทุนนอกเทขาย
        
     
       บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP จัดทำบทวิเคราะห์ Window Dressing Plays : แนะนำสะสมหุ้นก่อนปิดไตรมาสรวม 2 สัปดาห์ ซึ่ง window Dressing คือ ปรากฎการณ์ที่ราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนปิดไตรมาส เนื่องจาก ได้รับแรงหนุนจาการซื้อหุ้นของกองทุนในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจากการศึกษาข้อมมูลย้อนหลัง 7 ปี พบว่า ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.25%-0.6% ก่อนปิดทุกไตรมาสรวม 1.5-2 สัปดาห์ ซึ่งโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกราว 70% และที่น่าสังเกต window Dressing จะเกิดขึ้นในไตรมาส1, 2 และ 4 เท่านั้น และผลตอบแทนไตรมาส 2 และ 4 ค่อนข้างจะโดดเด่นที่สุด คาดว่าจะเกิดจากการดันราคาหุ้นเพื่อปิดงบวัดผลการดำเนินการช่วงครึ่งปี และรายปี ตามลำดับ
     
       ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่มักมีปรากฎการณ์ window Dressing จะเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ หรือการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก เรียงลำดับตามโอกาสการเกิดจากมากไปน้อย คือ กลุ่มบันเทิง ค้าปลีก อาหาร และธนาคารพาณิชย์ โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยรวม 0.7-1.19% window Dressing ไตรมาส 2 คือว่าค่อนข้างน่าสนใจ เพราะนอกจากจะมีโอกาสในการเกิดสูงรวม 71% (เกิดขึ้น 5 ใน 7 ปี ) แล้ว ยังให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง 0.8-1% เมื่อซื้อก่อนปิดไตรมาส 1.5-2 สัปดาห์ ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่า จะเกิดจากแรงซื้อหนุนก่อนปิดงบผลการดำเนินการรอบครึ่งปี
     
       สำหรับผลการศึกษาเชิงลึกพบว่า อุตสาหกรรมที่มักให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง window Dressing ไตรมาส 2 เรียงลำดับตามอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเกิดจากมากไปน้อย ประกอบด้วย กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.35% ด้วยโอกาสเกิดขึ้น 100% (เกิดขึ้นทั้ง 7 ปี) กลุ่มอาหาร ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยรวม 1-1.2% ด้วยโอกาสเกิดขึ้น 85.71% กลุ่มธนาคารพาณิชย์ สื่อสาร และวัสดุก่อสร้าง ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.56% เฉลี่ย 1.36% และ 1.30% ตามลำดับ ด้วยโอกาสเกิดขึ้นเท่าๆ กัน 71.43%
     
       อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาหุ้นที่มักเกิดปรากฎการณ์ window Dressing ไตรมาส 2 (มีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงกว่า 71.43% และผลตอบแทนเฉลี่ยมากกว่าตลาด คือมากกว่า 0.83%) มีทั้งสิ้น 20 บริษัท ฝ่ายวิจัยคัดเลือกเฉพาะหุ้นที่เข้าข่ายดังกล่าวที่พื้นฐานดี และราคายังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 15% ได้หุ้นที่น่าสนใจที่สุดแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เรียงลำดับตามโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงสุดดังนี้ หุ้นขนาดลางและเล็ก แนะนำ MCS (ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.5% โอกาสรวม 83%), SAT (ผลตอบแทนเฉลี่ย5.59%) โอกาสรวม 71% TMT (ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.89% โอกาสรวม 71%) หุ้นขนาดใหญ่ BBL, SCC, CPF และ RATCH ซึ่งมักให้ผลตอบแทนเฉลี่ยรวม 1.3-2.6% ด้วยโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกเท่ากันรวม 71.%
     
       สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวานนี้พบว่า ดัชนีปิดที่ 1,153.01 จุด ลดลง 5.21 จุด คิดเป็นลดลง 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26,736.59 ล้านบาท โดยพบว่า สถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,020.74 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 343.34 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,463.40 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 786.01 ล้านบาท

No comments:

Post a Comment