Wednesday, October 17, 2012

โบรกแนะเลือกซื้อ 13 หุ้นอนาคตรุ่ง ดัชนีฟื้นตัว แต่ไปได้ไม่ไกล เน้น 4 กลุ่มธุรกิจขาขึ้น


โบรกแนะเลือกซื้อ 13 หุ้นอนาคตรุ่ง
ดัชนีฟื้นตัว แต่ไปได้ไม่ไกล เน้น 4 กลุ่มธุรกิจขาขึ้น

วันพุธที่ 17 ตุลาคม 2555 เวลา 09:58:59 น. 
ผู้เข้าชม : 3264 คน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.57 น. ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 30.58 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ นักวิเคราะห์คาดวันนี้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว แต่ไปไหนไม่ได้ไกล เน้นหุ้นที่ไตรมาส 3 กำไรโดดเด่น และหุ้นที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว ส่วนการประชุมกนง.วันนี้ไม่ว่าลดหรือคงดอกเบี้ย คาดไม่มีผลต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งน่าจะเห็นการดึงธนาคาร เช่าซื้อและอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาเก็งกำไร เก็งกำไร 13 หุ้นเด่น ได้แก่ SC, KTB, ERW, THAI, PF, HEMRAJ, PS, AP, THCOM, CPN, AOT JAS, SAMTEL ถือต่อในพอร์ต ได้แก่ TUF, TVO, THAI, RML

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุว่า ตลาดปรับพักตัวลงมาให้ได้หาจังหวะเลือกหุ้นซื้อแล้ว..จากนั้นเน้นถือ!! กลยุทธ์: แม้ว่าระยะสั้น SET อาจจะแกว่งตัวผันผวนไปบ้าง และมีจังหวะปรับพักตัวลงมาเคลื่อนไหวในด้านลบให้เห็นอยู่ แต่คาดว่ากรอบการลงจะค่อนข้างจำกัด และสุดท้ายแล้วในช่วงท้ายปี FSS ยังคาดหมายว่าจะได้เห็น SET ขยับขึ้นไปเคลื่อนไหวบริเวณระดับดัชนีเป้าหมายทางพื้นฐานของปีนี้ที่ 1350 จุดหรือใกล้เคียงได้ ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อได้ในช่วงตลาดอ่อนตัวลง
หุ้นเด่นทางเทคนิค  PF, HEMRAJ, SAMTEL (SBL)
แนวโน้ม ช่วงนี้ผลประกอบการของบริษัทชั้นนำในสหรัฐทยอยประกาศออกมาดีเกินคาด ทั้งบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และบริษัทโกลด์แมน แซคส์ ส่งผลให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทที่เหลือ ขณะที่ในยุโรปก็ยังมั่นใจว่ากรีซและสเปนจะได้รับการช่วยเหลือทางการเงินในเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะในช่วงการประชุม EU Summit วันที่ 18-19 ต.ค. นอกจากนี้การที่ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนช่วงหลังที่ออกมาอ่อนแอลง และผลกำไรของภาคเอกชนในจีนเองก็ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนยังมีความคาดหวังว่าทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ ทำให้ FSS คาดว่าการปรับตัวลดลงของ SET ในช่วงนี้จะมีกรอบการลงที่จำกัด และสุดท้ายแล้วเรายังคาดว่าดัชนีจะสามารถขยับกลับขึ้นไปที่ระดับดัชนีเป้าหมายปลายปีนี้ที่บริเวณ 1350 จุดหรือใกล้เคียงได้ แนวรับ  1286-1280 , 1277-1270 จุด  แนวต้าน  1298-1302 , 1308-1315 จุด
บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนตลาดฟื้นตัวแนวโน้มตลาด: หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปรับขึ้นหลังรัฐสภาเยอรมนีเปิดกว้างสำหรับการที่สเปนจะขอวงเงินกู้จากกองทุนช่วยเหลือของยุโรป อีกทั้งได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมาดี ไม่ว่าจะเป็นดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจเยอรมันต.ค.เพิ่มขึ้นเป็น -1.5 จากก.ย.ที่ -18.2 ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมก.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% และอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 78.% (จากส.ค. 78.0%) ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยก็ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 ปี นับจาก มิ.ย.49 เป็นต้นมา ปัจจัยในประเทศไทยการประมูล 3G ผ่านไปด้วยดีตามคาด หุ้นสื่อสารกลยุทธ์เป็นการซื้อเมื่ออ่อนตัวโดยอาจดีดตัวช่วงสั้นหรือถูกแรงขายทำกำไรต่อบ้าง การเก็งกำไรช่วงนี้ยังเน้นหุ้นที่มีแนวโน้มรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/55 ออกมาดี และที่เริ่มเข้า high season ของการท่องเที่ยวปลายปี การประชุมกนง.วันนี้ไม่ว่าลดหรือคงดอกเบี้ย คาดไม่มีผลต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งน่าจะเห็นการดึงธนาคาร เช่าซื้อและอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาเก็งกำไร
กลยุทธ์การลงทุน: SET Index น่าจะมีโอกาสยกกรอบการเล่นขึ้นไปสู่ระดับเหนือ 1300 อีกครั้ง ปัจจัยกังวลระยะสั้นน่าจะเริ่มหมดไปและอาจเห็นตลาด sideways up ไปจนหลังการเปลี่ยนผู้นำสหรัฐฯ และจีน (ต้นพ.ย.) โดยมีเรื่องกรีซและสเปนมาเขย่าตลาดเบาๆเป็นระยะ กลยุทธ์ยังเป็นการเก็งกำไรรายตัว และทยอยหุ้นสะสมระยะกลางด้านล่าง หุ้นแนะนำ SC KTB ERW THAI
สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: (นับแต่ 14 ก.ย.) น้ำหนักการลงทุนปัจจุบันของเราอยู่ที่ 60% และขอเตรียมเพิ่มขึ้นอีก แต่ในระยะสั้นให้ระมัดระวังความผันผวน ***หากตลาดปรับฐานก.ย.-ต.ค.นี้ เราจะขอเพิ่มน้ำหนัก โดยเน้นหุ้นพลังงาน ปิโตรเคมีเดินเรือ และอิเล็กทรอนิกส์ *** ทยอยสะสม TTA SOLAR ERW AJ KCE
KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันพุธเปิดรีบาวด์ ไม่น่าผ่านแนวต้าน 1,295 จุด เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศบวกอย่างแข็งแกร่งแต่ข่าวสารที่สนับสนุนราคาหุ้นเป็นข่าวเล็กๆ หลายๆ ข่าวที่นักลงทุนจับมารวมกันและเราคาดว่าจะหนุนตลาดได้ไม่มากนัก ฝั่งสหรัฐฯ แจ้งตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. สูงกว่าคาด ขณะที่ผลประกอบการ บจ.สหรัฐฯ ส่วนใหญ่สูงกว่าที่ตลาดคาดเช่นกันและลดความกังวลในจุดนี้ ส่วนฝั่งยุโรปมีรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของเยอรมันดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน และ นสพ.ท้องถิ่นลงข่าวว่าผู้กำหนดนโยบายของเยอรมันพร้อมจะเปิดวงเงินช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับสเปน ทั้งนี้ยังไม่มีรายละเอียดมากนักเกี่ยวกับวงเงินตัวนี้ว่าเป็นตัวเดียวกับ 1 แสนล้านบาทเพื่อให้สเปนเพิ่มทุนธนาคารหรือเป็นวงเงินใหม่จากกองทุน ESM (เราจะรายงานให้ทราบภายหลัง)
นอกจากนี้ช่วงเช้ามืด Moody’s ได้คงอันดับเครดิตของสเปนที่ Baa3 (แนวโน้มเชิงลบ) ซึ่งช่วยลดความกลัวของนักลงทุนก่อนหน้านี้ว่าสเปนจะถูกลดเกรดลงสู่ระดับขยะ ส่วนปัจจัยถัดไปของยุโรปคือการประชุมผู้นำในวันที่ 18-19 ต.ค. นี้
ด้านปัจจัยในประเทศ ธนาคารไทยส่วนใหญ่แจ้งกำไรไตรมาส 3 ดีตามที่เราและตลาดคาด จึงไม่น่ามีผลต่อราคาหุ้นมากนัก ส่วนการประมูล 3G เมื่อวานนี้เสร็จสิ้นแล้ว และ KGI ยังคงมุมมองว่างบลงทุนและการตลาดที่น่าจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า จะทำให้กำไรของหุ้นในกลุ่มนี้ไม่แข็งแกร่งนัก 
กลยุทธ์เราเชื่อว่าข่าวบวกที่ออกมายังไม่ชัดเจนพอที่จะหนุนให้ทุนต่างชาติกลับเข้าตลาด ตลาดจะยังผันผวนหนักเช่นหลายวันที่ผ่านมา แนะเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ต่อไป และซื้อหุ้นขนาดกลางที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังแข็งแกร่ง เช่น PS*, AP, THCOM, CPN* และ AOT* และซื้อต่อในหุ้นสื่อสารตัวเล็กเช่น JAS,SAMTEL 
บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ฟื้นตัว แต่ยังไม่ไกล กลยุทธ์การลงทุนขึ้นขายลงซื้อ บรรยากาศลงทุนในวันนี้อิงทางฟื้นตัวได้จากแรงหนุนตลาดต่างประเทศที่ได้รับอานิสงส์การประกาศผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ อาทิ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และโกลด์แมน แซคส์ ทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังเชิงบวกกับฤดูการประกาศผลประกอบการที่เหลือ อีกทั้งคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลสเปนใกล้ที่จะขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศ และสัญญาณความเชื่อมั่นดีขึ้นในเศรษฐกิจเยอรมนีทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้เปิดตัวในแดนบวกค่อนข้างมากค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกครั้งหลังดอลลาร์อ่อนตัวลง ซึ่งเป็นบวกต่อราคาน้ำมันให้ดีดตัวด้วย ด้านปัจจัยภายในเรื่องการประชุมดอกเบี้ยของกนง.ในวันนี้ คาดจะคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม จึงไม่น่าส่งผลต่อตลาดมากนักคาดดัชนีหุ้นไทยวันนี้อาจดีดตัวเข้าใกล้ 1300 จุด อีกระลอก แต่เชื่อว่ายังไม่น่าผ่านไปได้ง่ายดายนัก ขณะที่แรงขายสุทธิของต่างชาติยังคงมีต่อเนื่องทั้งในตลาดหุ้นและอนุพันธ์ แม้ไม่ได้อยู่ในปริมาณมากนัก แต่ก็ยังน่าจับตาการเคลื่อนไหวต่อไปอย่างใกล้ชิด ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิคทุกตัวยังส่งสัญญาณขาย
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นเก็งกำไรแบบขึ้นขาย ลงซื้อไปก่อน แนวต้าน : 1297,1305 แนวรับ : 1285,1270
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 30% : เงินสด 70%
ถือต่อในพอร์ต : TUF, TVO, THAI, RML 
หุ้นที่แนะนำ : HEMRAJ เก็งกำไร FV 3.40 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 3.24 รับ 3.10 Cut loss 3.06 บาท
บล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ อัพเดทสื่อสารฯ หลังการประมูล 3G แนะนำถือในหุ้นที่แนะนำมีเพียง THCOM ที่ยังมี Story บวก เป้า 25 บาท - แม้ใบอนุญาต 3G-2.1 GHz มีแนวโน้มที่จะส่งผลดีอย่างมากต่อบริษัทที่ประกอบธรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในแง่ที่ช่วย 1) ขจัดความเสี่ยงเกี่ยวกับความต่อเนื่องในการทำธุรกิจหลังจากสัมปทานสิ้นสุดลง 2) เปิดโอกาสให้ลดต้นทุนการกำกับดูแลต่อหน่วยลงสู่ 5.75% (ประกอบด้วยค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 2% และค่าธรรมเนียม USO 3.75%) จากที่จ่ายส่วนแบ่งรายได้ค่าสัมปทาน 20-30% ในปัจจุบัน และ 3) เปิดโอกาสให้ขยายบริการ wireless broadband เนื่องจาก 3G น่าจะเป็นตัวเลือกในการใช้บริการ broadband เพียงทางเดียวในพื้นที่หลายๆ แห่งในประเทศไทย
เราคาดว่าจะไม่มีข่าวที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระยะ 6 เดือนข้างหน้านี้ (แต่จะมีข่าวรบกวนเกี่ยวกับการฟ้องร้องศาลเข้ามาแทน) เรายังคงคำแนะนำ "Neutral" สำหรับ ADVANC และ TRUE ในขณะที่ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" DTAC เพราะราคาหุ้นมีแนวโน้ม Upside เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายมากที่สุด รวมทั้งมีแนวโน้มได้รับประโยชน์มากที่สุดในแง่ของการประหยัดต้นทุนการกำกับดูแลต่อหน่วยได้หลังจากโอนรายได้จากสัมปทานไปยังธุรกิจภายใต้ใบอนุญาต และถูกสุดเมื่อดูจาก EV/EBITDA ปี 2556 ที่ 7.9 เท่า ทั้งนี้เมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มสื่อสาร เราชอบ THCOM (ราคาเป้าหมาย 25 บาท) ซึ่งไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพราะคาดว่ากำลังจะมีข่าวดีหลายอย่างเข้ามา ได้แก่ การเซ็นสัญญา iPSTAR กับลูกค้าใหญ่รายใหม่ในอินเดีย และการขายกิจการ Mfone ซึ่งสร้างผลขาดทุนออกไป

No comments:

Post a Comment