Friday, October 5, 2012

หุ้นแนะนำ, วิธีเลือกหุ้นเด่น, เล่นหุ้นอย่างไรให้ได้กำไร


หุ้นแนะนำ, วิธีเลือกหุ้นเด่น, เล่นหุ้นอย่างไรให้ได้กำไร


           “เราต้องคิดให้เป็นหลักวิทยาศาสตร์ การ"เบ่ง" ของวอลุ่ม จะต้องสอดคล้องกับ "การขึ้น" ของราคาหุ้น นักลงทุนที่ก้าวขึ้นมาเป็นรายใหญ่ ต้องเข้าใจหลักการข้อนี้ หุ้นจะเป็นขาขึ้น"ราคา" และ "ปริมาณ" จะต้องเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน  
      
           จั่วหัวด้วยคำสอนของเซียนหุ้นพันล้าน "คุณวิชัย วชิรพงศ์ "หรือที่รู้จักกันในวงการว่า "เสี่ยยักษ์”  ผมต้องบอกว่าคำพูดนี้ถือเป็นสูตรสำเร็จก็ไม่ผิดนัก แต่จะมีกี่คนที่ทำได้อย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จ

          ตั้งแต่ผมเริ่มเล่นหุ้นมาจนถึงเดี๋ยวนี้  ผมถือว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่เคย “ขายขาดทุน”  และที่ไม่ขาดทุนไม่ใช่ว่าผมติดดอยและดื้อถือมาขายตอนได้กำไร  แต่ผมมีหลักในการเข้าเทรดโดยดูรอบขึ้นลงของหุ้นเป็นสำคัญ ....จะว่าไปก็ยังมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมยอมขายขาดทุน  สาเหตุไม่ใช่เพราะผมซื้อพลาด แต่ที่ผมยอมขายเพราะผมเห็นหุ้นตัวนึงกำลังเด้งแนวรับขึ้นซึ่งเปรียบเทียบกำไรแล้ว  ผมสู้ขายขาดทุนและเอาเงินต้นมาลงหุ้นตัวใหม่นี้ดูจะมีกำไรมากกว่า “ซึ่งผมตัดสินใจถูก” ส่วนที่ตัดขาดทุนไปนั้น ผมได้คืนกลับมาภายในเช้าวันรุ่งขึ้น (^^) ...ประเด็นที่เล่าไม่ใช่อยู่ตรงกำไรของผม  แต่อยู่ตรงหุ้นตัวที่ซื้อนั้นเป็นหุ้นที่มี fundamental ดีมาก แถมอยู่ช่วงขาขึ้น  แต่ที่กำไรไม่วิ่งนั้นเป็นเพราะ Volume ไม่มี

          ขั้นตอนในการเลือกหุ้นทางด้านพื้นฐาน และเทคนิคการดูกราฟเบื้องต้นนั้น..ผมขออนุญาตข้ามไปนะครับเพราะมีเขียนอยู่ในบทความ “อยากเล่นหุ้นฯ”แล้ว   ดังนั้นผมขอผ่านมาขั้นตอนหลังจากเลือกหุ้นได้แล้วนะครับ

          เวลาที่ผมเลือกหุ้นนั้น  Mind Map ผมจะเป็นตามนี้ครับ
1.       ผมเลือกจากความชอบส่วนตัว  เพราะชื่อที่ติดอยู่ในหัวนั้น อย่างน้อยๆผมถือว่ามันต้องมีจุดเด่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง  เช่น นึกถึงน้ำมันก็ PTT, IRPC  นึกถึงบันเทิงก็ Grammy, RS  นึกถึงสื่อสารก็ AIS, DTACประมาณนี้ครับ

2.       ผมก็จะเปิดดูงบการเงิน (ตามอ่านได้ในบทความ “อยากเล่นหุ้นฯ”) ของแต่ละบริษัทฯ ว่าภาพที่ผมรู้จักกับความเป็นจริงนั้นแตกต่างกันอย่างไร

3.       เปิดกราฟดู Trend  ณ ตอนนั้น  (ถ้าใครไม่มีprogram หลักๆ..ก็ดู Link ตามบทความเช่นเดียวกันครับ)


4.     หลังจากเช็คตัว indicator ต่างๆ และเห็นแล้วว่าเป็น Uptrend  ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นน่าสนใจ  ผมก็จะตีtrendline เพื่อกำหนดกรอบ”แนวรับ” และ “แนวต้าน”  ถ้าเห็นว่าอยู่ในรอบที่ทำกำไรได้ผมก็เข้าซื้อ  โดยส่วนใหญ่แล้วจะเข้าช่วงย่อตัวลงมาเด้งแนวรับเพื่อขึ้นทดสอบแนวต้าน  พอถึงบริเวณแนวทดสอบผมก็ค่อยพิจารณาปัจจัยต่างๆ ณ เวลานั้นๆอีกที  (กราฟตัวอย่างที่ผมยกมา...ผมเข้าซื้อช่วงเส้นแนวตั้งสีเหลือง เพราะย่อลงมาสุดแล้ว และราคากำลังกลับขึ้นไปยืนบน EMA เส้นเขียว)


5.       ขั้นตอนต่อไปก็อยู่ตรง Mainหลักของบทความนี้  คือ “เรื่อง Volume” ครับ  หุ้นที่ผมซื้อแล้วต้องยอมขายขาดทุนไปนั้นผ่านเกณฑ์ตามที่ผมแจ้งทั้ง 4 ข้อมาหมด  แต่กลับไม่มีคนเล่น...ผมถึงบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ
                จากนั้นผมลองมาไล่เช็คหุ้นใน Port ตัวเองดู  ปรากฎว่าหุ้นทุกตัวที่ทำกำไรให้ผมเป็นกอบเป็นกำนั้น ส่วนใหญ่ติดอันดับต้นๆของ หุ้นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุดของกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ....นั่นแสดงว่า “คำพูดข้างต้นนั้น เป็นความจริง”

6.      วิธีการเช็คดูว่าหุ้นมีVolumeเป็นอันดับที่เท่าไหร่ของกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ ก็ให้ไปที่ Linkนี้ครับ  
     
      แล้วไปใส่ชื่อหุ้นตรง ช่อง”ค้นหาข้อมูลหลักทรัพย์” (มุมขวาบน) แล้วกด”go”   จากนั้นไปที่ “อันดับในอุตสาหกรรม” (มุมบนซ้าย)



7.       จากนั้นก็ไปเลือกตรงช่อง “จัดลำดับตาม” ซึ่งเมื่อClick เข้าไปจะมีให้เลือก  “ %เปลี่ยนแปลง, ปริมาณ, มูลค่า,ฯลฯ”  ในที่นี้เราเลือก “ปริมาณ” แล้วไป click เลือกตรง”มากไปน้อย” แล้วกด “GO



          ขั้นตอนนี้เราจะสามรถรู้ว่าหุ้นตัวที่เราเลือกนั้นอยู่ลำดับที่เท่าไหร่ในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ (โดยการจัดเรียงเราสามารถกำหนดได้เองว่าจะให้จัดเรียงตามอะไร)  .....คราวนี้เพื่อนๆก็จะสามารถเลือกหุ้นที่มี Volume ได้ตามที่ต้องการแล้ว

          หลักสำคัญอีกอย่างหนึ่ง อย่าลืม check ด้วยว่าปริมาณที่ว่านั้น เป็นปริมาณ “ขาย”หรือ”ซื้อ” ...อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนต้นว่า “ปริมาณและราคา จะต้องไปในทิศทางเดียวกัน”  สังเกตุโดยแบ่งได้เป็นหลายกรณี ดังนี้ 

-          ราคาขึ้น ...Volume ซื้อขึ้น =>   หมายถึง  ราคายังมีช่องว่างในการเก็งกำไร คนเลยยังซื้อเพิ่มเพื่อรอขายออก

-          ราคาลง ... Volume ซื้อลง  =>   หมายถึง   ราคาเริ่มลง คนเริ่มรู้ว่าตลาดไม่ต้องการ เลยเลิกซื้อและเริ่มขายออก

-          ราคาลง... Volumeซื้อขึ้น    =>   หมายถึง   มีคนเก็บของ สงสัยไว้เลยว่าเป็นรายใหญ่ทุบราคาลงมาเพื่อเก็บของ

-          ราคาลง.. ไม่มีVolumeขาย  =>  หมายถึง  มีคนเก็บของไว้ไม่ยอมขายออก...เราก็อย่าปล่อย  

-          ราคาลง.... Volumeขายขึ้น  =>  หมายถึง  ถ้าเราเข้าไปซื้อก็แสดงว่า เรากำลังเข้าไปรับหุ้นที่คนเขาเริ่มไม่ต้องการ.....  
        และถ้าขืนเผลอไปซื้อเข้าจริง 

“ ถึงเวลานั้นถ้าเพื่อนตะโกนเรียกว่า “เม่า”  ก็อย่าลืมหันไปขานรับซะล่ะ ei ei

No comments:

Post a Comment