Tuesday, October 2, 2012

singer เจาะยุทธศาสตร์ป่าล้อมเมือง

singer volume บ่ายนี้มา เพราะข่าวนี้vote   ติดต่อทีมงาน

หาอยู่้ตั้งนาน ว่าทำไม volume เข้าเยอะเอาตอนบ่าย
น่าจะมีรายใหญ่เข้ามา เพราะก่อนสี่โมงกวาดไปหลายช่ิองแบบไม่สนราคา

ปล. ผมมีหุ้น ป๋มเอียงลำ เอ๊ย ลำเอียง จะทำได้จริงหรือโม้ ยังไงผมกอดแน่นแล้ว เงินเดือนเพิ่งออกมาซื้อหมดแล้ว



คอลัมน์: สัมภาษณ์พิเศษ: เจาะยุทธศาสตร์ป่าล้อมเมืองบุญยง ตันสกุล
Source - ทันหุ้น (Th)

Tuesday, October 02, 2012 09:24
35634 XTHAI XCOMMENT DAS V%PAPERL P%THD

ศสนันท์ ทองมั่ง

หลายคนยังคงติดภาพ จักรเย็บผ้า และตู้เย็น "ซิงเกอร์" ภายใต้แบรนด์ "SINGER" โดยยืนหยัดครบ 124 ปี ในปี 2556 และด้วยศักยภาพในการแตกยอดสินค้า ทำให้ "บุญยง ตันสกุล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER สามารถล้างขาดทุนได้จนหมดจากที่เคยติดลบ ปัจจุบันกลับมาเทิร์นอะราวนด์ได้อีกครั้งอย่างภาคภูมิใจ หลายคนมองภาพ "บุญยง" เป็น "เจ้าพ่อโปรเจ็กต์" และ "นักการตลาดมือ 1" ที่อยู่เคียงข้างชุมชน ทั่วประเทศ และสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจ โดยไม่รู้สึกเหนื่อยที่จะพัฒนาสินค้าออกมาบริการให้แบรนด์ "ซิงเกอร์" อยู่ในใจของคนไทย ปัจจุบัน "บุญยง" ยึดกลยุทธ์ "ป่าล้อมเมือง" ไว้อย่างเบ็ดเสร็จ และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจทำให้ "บุญยง" แตกหน่อต่อยอดธุรกิจจนเป็นที่ยอมรับในชุมชนอยู่เนืองๆ

เจาะเวลาหาสถิติ
บุญยง ตันสกุล เล่าย้อนหลังเมื่อครั้งเข้ามา บริหารช่วงแรกว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุนอยู่ 1,800 ล้านบาท โดย 3 ปีแรกที่เข้ามาบริหารทำให้ขาดทุนลดลงเหลือ 1,200 ล้านบาท โดยปี 2550 ขาดทุน 500 ล้านบาท และปี 2551 ขาดทุน 81 ล้านบาท และปี 2552 ขาดทุน 10 ล้านบาท หลังจากนั้นในปี 2553 สามารถทำให้บริษัทเทิร์นอะราวนด์โดยมีกำไร 89.40 ล้านบาท ซึ่งทุกจังหวะของการบริหาร โดยยึดสินค้าและบริการเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนทำให้ธุรกิจพลิกฟ้นกลับมาได้ "โดยครึ่งหลังปี 2554 บริษัทมีกำไร 142.50 ล้านบาท และ 11 ปีที่ผ่านมา (ปี 46) ซิงเกอร์เคยทำสถิติโดยมีกำไร 240 ล้านบาท โดยเราจะใช้ตัวเลขนี้ทำลายสถิติของครึ่งปีหลัง ซึ่งคิดว่าคงไม่ยาก เนื่องจากครึ่งปีแรกของปี 2555 บริษัทมีกำไร 124 ล้านบาท และหากไตรมาส 3 บริษัทมีศักยภาพในการสร้างกำไรดีกว่าทั้งปี นั่นหมายถึงอาจจะได้เห็นการทำลายสถิติในรอบ 10 ปี"

ผ่ายุทธศาสตร์ปี 56
สำหรับการวางแผนธุรกิจของซิงเกอร์ในปี 2556 บริษัทปรับภาพโดยเน้นขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลักในภูมิภาค โดยจะต้องเติบโตแบบ 4 ทิศ ทั้งนี้ปี 2556 จะครบรอบ 124 ปีของบริษัท ดังนั้นต้องเปลี่ยนให้อยู่อีก 200 ปี ในส่วนที่ 1 เป็นการปรับภาพธุรกิจโดยเน้นการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลักในภูมิภาค หรือป่าล้อมเมือง ส่วนที่ 2 ธุรกิจเช่าซื้อเงินผ่อน ส่วนที่ 3 ยึดขยายการขายแบบเน็ตเวิร์กหรือเครือข่าย โดยในสาขาต่างจังหวัดบริษัทจะลงในชุมชนและหมู่บ้านซึ่งทั้ง 4 ภาคมีทั้งหมดประมาณ 70,000 หมู่บ้าน ซึ่งปี 2556 ซิงเกอร์จะรุกเครือข่ายระดับรากหญ้า ส่วนที่ 4 บริการหลังการขาย โดยจะเป็นจุดแข็งที่มีอยู่โดยจะแตก 2 บริษัทลูก ซึ่งจะมาซัพพอร์ตแบรนด์ซิงเกอร์

ป่าล้อมเมือง
การเปิดตลาดและรุกขยายสาขาในต่างจังหวัดถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นกว่าเดิม และแก้ภาวะเศรษฐกิจให้คนไทยได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้เราเคยทำสถิติยอดขายไว้สูงสุดที่ 9,000 ล้านบาท และกำไรในปี 2539 ทำไว้ที่ 650 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกปี 2555 บริษัทมีกำไร 124 ล้านบาท และหากครึ่งปีหลังสามารถสร้างรายได้เกิน 200 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทำลายสถิติที่ทำไว้สูงสุดในรอบ 10 ปี

จุดแข็ง
บุญยงบอกอีกว่า ในเดือนตุลาคมนี้ ซิงเกอร์จะแตกยอดธุรกิจ ด้วยการรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ทั้งนี้เราได้แรงบันดาลใจจากเมื่อครั้งที่เกิดอุทกภัย โดยภาพที่เราไปทำ CSR ได้เห็นเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมากเกิดความเสียหาย ช่างที่จัดไปทำงานแทบไม่ทัน ดังนั้นได้ประเมินแล้วว่า หากเราใช้จุดแข็งทางด้านช่างที่เรามีการบริการอยู่ นำมาแตกยอดรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดทุกยี่ห้อ โดยจะเข้าไปตามหมู่บ้านในแต่ละจังหวัดเพื่อขยายธุรกิจทางด้านการบริการลูกค้าทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

โฮมเซอร์วิส
ส่วนปี 2557 บริษัทจะจัดโฮมเซอร์วิส ทางด้านไฟฟ้าและประปา เพราะไม่ว่าน้ำจะรั่วหรือ ไฟฟ้าดับ เมื่อโทรเข้ามาศูนย์บริการของเรา ทางซิงเกอร์จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปซ่อมให้ถึงบ้านเช่นกัน ดังนั้นภาพการบริการจึงถือเป็นจุดขายของเราในอนาคต ซึ่งบริษัทกำลังรับสมัครช่างซ่อม โดยจะเน้นช่างที่มาจากสารพัดช่าง ดังนั้นบริษัทตั้งเป้า ไว้ว่าจะมีช่าง 300 คน จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 180 คน โดยกำลังฟอร์มทีมให้ครบเพื่อบริการลูกค้าให้ทั่วถึง และคาดว่าไม่เกินไตรมาส 3 ปี 56 จะได้จำนวนช่างซ่อมได้ตามที่ตั้งเป้าไว้แน่นอน

หัวใจซิงเกอร์
บุญยงอธิบายอีกว่า การทำธุรกิจจำเป็นจะต้องรักษาหัวใจขององค์กรโดยขับเคลื่อนให้เป็นแรงส่งและขุมพลังเพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้น โจทย์ของเราคือจะทำอย่างไรให้แบรนด์ "ซิงเกอร์"อยู่ในใจทุกคนทุกบ้าน หากจะเลือกสินค้าหรือบริการ โดยไม่เว้นแม้แต่ซ่อมบำรุงจะต้องเรียกใช้ "ซิงเกอร์"

บุกพม่าขายโซลาร์เซลล์
การที่เราอยู่ในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเป็นเวลานาน ทำให้การแตกยอดธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้บริษัท มี 44 สาขาที่ติดกับชายแดน 3 ประเทศ อาทิ ลาว กัมพูชา และพม่า ดังนั้นการเข้าไปบุกธุรกิจไฟฟ้าในพม่า จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับซิงเกอร์ ทั้งนี้ บริษัทเห็นช่องทางการขยายด้านไฟฟ้า เนื่องจากพม่าระบบไฟฟ้ายังไม่เสถียร ดังนั้นการคิดขยายธุรกิจด้านโซลาร์เซลล์ จึงเป็นความท้าทายทั้งรายได้และยอดขาย แต่ทั้งนี้จะเป็นการหาพันธมิตรจากพม่าให้เป็นตัวแทนการขาย เนื่องจากธรรมชาติของประชาชนพม่าจะนำสินค้าผ่อนไปขายไม่ได้ ดังนั้น จำเป็นที่ซิงเกอร์จะต้องหาตัวแทนที่อยู่ในพื้นที่และเข้าถึงความต้องการของลูกค้า บริษัทจึงจำแนกสินค้าออกเป็น 3 ชนิด
"โดย 1 เครื่องปั่นไฟ ส่วนที่ 2 ตู้แช่ เนื่อง จากคนพม่าชอบน้ำแข็งมาก เพราะเป็นเมืองร้อน และส่วนที่ 3 "โซลาร์เซลล์" ซึ่งจะเป็นพระเอกนำยอดขาย แต่เราจะไม่เน้นกลุ่มอุตสาหกรรม แต่จะเน้นครัวเรือน เนื่องจากโซลาร์เซลล์จะไซซ์ไม่ใหญ่ ทั้งนี้สามารถพกพาเพราะจะเป็นเหมือนกระเปาหิ้ว โดยนำเข้ามาจากประเทศจีน ซึ่งสามารถนำมาใช้กับพัดลม อุปกรณ์ไฟฟ้า โดยราคาเฉลี่ยขั้นต้นประมาณ 10,000 บาท"

ปูพรม
การเข้าไปทำธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศพม่า ถือเป็นการปูพรมธุรกิจใหม่ที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้และยอดขายให้กับซิงเกอร์อย่างมาก ทั้งนี้บริษัทกำลังศึกษาและทดลองใช้ในไทย ประมาณไตรมาส 1 ปี 2555 ในไทย เพื่อประเมินผลด้านคุณภาพ ซึ่งหากทุกอย่างผ่านบริษัทจะเข้าไปทดลองขายในพม่าโดยเจาะกลุ่มร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า และคาดว่าจะทดสอบแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 4 ปี 55

หุ้นแกร่ง
บุญยงทิ้งท้ายก่อนจากว่า การทำธุรกิจและอยู่กับซิงเกอร์ตั้งแต่ปี 2550 โดยวันที่เข้ามารับตำแหน่ง ราคาหุ้น SINGER อยู่ที่ 1.00 บาท ส่วนมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 270 ล้าน บาท โดยปัจจุบันราคาหุ้น SINGER ทะยานอยู่ที่ 17-18 บาท ส่วนมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท ดังนั้นตลอดเส้นทางซิงเกอร์เป็นบริษัทที่แตกยอดออกผลตลอดเวลา โดยพลิกจากขาดทุนสามารถสร้างกำไรให้กับบริษัทได้ ซึ่งถือเป็นจุดที่ภาคภูมิใจที่บริษัทกลับมาอยู่ในใจคนไทยอีกครั้ง
ทั้งนี้จะเห็นว่าหุ้น SINGER เป็นหุ้นที่โดดเด่นในสายตานักลงทุน ที่เห็นถึงศักยภาพของซิงเกอร์ที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอปีละ 20% โดยปี 2556 บริษัทจะเปลี่ยนภาพจากคนขายจักร ตู้เย็น มาเป็นผู้นำสินค้าเชิงพาณิชย์ เช่น ตู้เติมเงิน
ตู้เติมน้ำมัน เครื่องทำน้ำแข็งเกร็ดหิมะ (สเลอปี้) กล้องวงจรปิด โดยยกระดับและคุณภาพ ที่เติบโตต่อเนื่องปีละ 20% ดังนั้น เครือข่ายมีส่วนผลักดันให้ยอดขายเติบโต 100% ซึ่งถือเป็นหัวใจของธุรกิจ "ซิงเกอร์" --จบ--

No comments:

Post a Comment