Monday, October 1, 2012

โบรกแนะเลือกซื้อ 14 หุ้นส่งสัญญาณรุ่ง ดัชนีผันผวนมากขึ้น เดือนต.ค.


โบรกแนะเลือกซื้อ 14 หุ้นส่งสัญญาณรุ่ง
ดัชนีผันผวนมากขึ้น เดือนต.ค.จับตา 4 ปัจจัยชี้นำตลาด

วันจันทร์ที่ 01 ตุลาคม 2555 เวลา 09:59:38 น. 
ผู้เข้าชม : 2574 คน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.56 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.86 บาท ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดทำการส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยมีความผันผวนมากขึ้น และมี 4 ปัจจัยหลักที่ต้องจับตาในเดือนต.ค.นี้  ได้แก่ 1) การประชุมรมว.คลังยุโรป 8-9 ต.ค. 2) EU Summit 18-19 ต.ค. 3) หนี้ยุโรปหลายประเทศถึงครบกำหนดชำระ และ 4) การเลือกตั้งของหลายแคว้นภายในสเปนซึ่งขู่จะแยกตัว แนะนำเก็งกำไร 14 หุ้นเด่น ได้แก่ ERW, STEC, QH, KTB, SCC, SAMART, TISCO, PS, BTS, CK, ADVANC, MALEE, AJ, CPALL และถือต่อ INTUCH, MINT, BGH, TUF, RML
บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ กลยุทธ์การลงทุน: ขึ้นขาย ลงซื้อ แนวโน้มตลาดวันนี้: แกว่งแคบ
ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวทดสอบระดับ 1300 ไปแล้วเมื่อวันศุกร์ แม้มีโอกาสจะดีดตัวทดสอบได้อีก แต่คาดยังไม่น่าผ่านระดับจิตวิทยาสำคัญไปได้ง่ายนักขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และวิกฤติหนี้ยุโรปยังไม่น่าวางใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาของสเปน ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศสำคัญๆ ยังไม่บ่งชี้การฟื้นตัวได้อย่างจริงจัง ล่าสุดดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงจากการเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่น่าผิดหวัง อีกทั้งใกล้จะก้าวเข้าสู่ฤดูการประกาศผลประกอบการภาคเอกชน ซึ่งน่าจะเข้ามาสร้างความผันผวนให้กับตลาดได้มากขึ้น ในวันนี้ คาดตลาดหุ้นไทยจะแกว่งกรอบแคบ และน่าจะซบเซาลงจากการปิดทำการของหลายตลาดในภูมิภาคเนื่องในวันหยุดประจำชาติ อาทิ จีน, เกาหลี และฮ่องกงกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: ขึ้นขาย ลงซื้อเป็นหลัก และยังเน้นทยอยขายแถวแนวต้านในช่วงดีดตัว แนวต้าน : 1303-1313 แนวรับ : 1295-1287
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%
ถือต่อในพอร์ต : INTUCH, MINT, BGH, TUF, RML
หุ้นที่แนะนำ : CPALL เก็งกำไร FV ปี 56=41.00 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 36.50-37.00 รับ 34.75 Cut loss 33.50 บาท
บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาด: หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปิดลบ เนื่องจากกังวลการทดสอบภาวะวิกฤติ (Stress test) ของสเปน และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ตลาดช่วงสั้นนี้ มีแนวโน้มได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจาก 1) ผลทดสอบภาวะวิกฤติธนาคารสเปน พบว่าต้องการเงินเพิ่มทุนราว 59,300 ล้านยูโร ซึ่งต่ำกว่าวงเงินที่เคยคาดการณ์เบื้องต้นที่ 1 แสนล้านยูโร และ 2) ตัวเลข PMI จีน ก.ย. อยู่ที่ 49.8 ดีขึ้นจาก ส.ค.ที่ 49.2 ทั้งนี้จิตวิทยาตลาดระยะสั้นเป็นบวก แต่ต.ค.เป็นเดือนที่ตลาดมีโอกาสจะผันผวนได้มากจาก 1) การประชุมรมว.คลังยุโรป 8-9 ต.ค. 2) EU Summit 18-19 ต.ค. 3) หนี้ยุโรปหลายประเทศถึงครบกำหนดชำระ และ 4) การเลือกตั้งของหลายแคว้นภายในสเปนซึ่งขู่จะแยกตัว ดังนั้นเรามองปัจจัยในประเทศจึงยังมีน้ำหนักเหนือตลาดโลก โดยโฟกัสการลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง และหุ้นขนาดกลาง-เล็ก โดยมองธนาคารสลับมาช่วยตลาดเป็นระยะ ส่วนกลุ่มสื่อสาร โดยเชิงกลยุทธ์เก็งกำไรไม่เกิน 7 ต.ค. (ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าประมูล)
กลยุทธ์การลงทุน: ช่วงสั้น SET Index ยกกรอบการเก็งกำไรขึ้นมาสู่ 1280-1320 โดยกรอบใหญ่อยู่ในช่วง 1260-1350 ทั้งนี้เรามองตลาดต.ค.มีโอกาสปรับฐานดีๆ สักครั้งซึ่งจะเป็นจังหวะซื้อสะสมที่ดี หุ้นแนะนำ CK ADVANC MALEE AJ สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: (14 ก.ย.) น้ำหนักการลงทุนปัจจุบันของเราอยู่ที่ 60% และขอเตรียมเพิ่มขึ้นอีก แต่ในระยะสั้นให้ระมัดระวังความผันผวน ***หากตลาดปรับฐานก.ย.-ต.ค.นี้ เราจะขอเพิ่มน้ำหนัก โดยเน้นหุ้นพลังงาน ปิโตรเคมีเดินเรือ และอิเล็กทรอนิกส์ *** สะสม TTA SOLAR ERW AJ KCE แกว่งตัวกรอบจำกัด ยังให้เน้นหุ้นขนาดกลาง
KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันจันทร์แกว่งตัว และน่าจะมีช่วงขึ้นทดสอบ 1,300 จุดอีก ทั้งนี้แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์จะปิดลดลง เนื่องจากข้อมูลสำรวจภาคการผลิตแถบ Mid-West ของสหรัฐฯ ไม่ดีและนักลงทุนขายหุ้นยุโรปอย่างหนักรับข่าวการประกาศลดงบประมาณรายจ่ายและการประกาศผลทดสอบภาคธนาคาร แต่ด้วยปัจจัยในประเทศที่ยังเอื้อต่อหุ้นกลุ่มหลักเช่น ธนาคาร (เก็งกำไรผลประกอบการไตรมาสที่ 3) และกลุ่มสื่อสาร (เก็งกำไรก่อนการประมูล 3G ในกลางเดือน ต.ค.) จะทำให้ SET ยังมีแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้น เป็นที่น่าสังเกตว่าค่าเงินบาทยังทรงตัวเชิงแข็งค่าได้ แม้ว่าเงินดอลล่าร์ฯ จะแข็งค่าก็ตาม ซึ่งชี้ว่ากระแสทุนต่างชาติยังเข้าหุ้นไทยอย่างน้อยในระยะสั้น ด้านปัจจัยเศรษฐกิจโลกถัดไปที่ให้ติดตามได้แก่ในวันที่ 8 ต.ค. ซึ่งคณะกรรมการกองทุน ESM จะประชุมเป็นนัดแรก และน่าจะมีพัฒนาการเกี่ยวกับมาตรการของกองทุน เช่นการเพิ่มทุนให้ธนาคารสเปนรวมทั้งการเข้าซื้อพันธบัตรในตลาดแรกด้วย
ด้านปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศ จะมีการรายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ในวันนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ 3.2% และ 1.8% ตามลำดับ ทั้งนี้แม้ว่าเงินเฟ้อจะทรงๆ ตัว แต่ด้วยเครื่องชี้ภาคการผลิตของไทยที่แย่มาก และแรงส่งจากฝั่งในประเทศที่อ่อนลงบ้าง ฝ่ายวิจัยคาดว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 ต.ค.
กลยุทธ์: ถ้ายังมีหุ้นในพอร์ต เราแนะนำให้ถือต่อไป แต่ถ้าพอร์ตว่าง แนะซื้อเฉพาะหุ้นขนาดกลางที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับดัชนีฯ มากนัก เนื่องจากในเดือน ต.ค. คาดว่า SET จะผันผวนหนัก หุ้นเด่นได้แก่  TISCO* (สินเชื่อรถยนต์โตแข็งแกร่ง), PS* (ราคาหุ้นขึ้นช้าเนื่องจากความกังวลต่อน้ำท่วม ซึ่งเราคิดว่าไม่น่ารุนแรง) รวมทั้ง BTS* (ราคาหุ้นปรับฐานแล้วในสัปดาห์ก่อน และเก็งกำไรบริษัทลูกเข้าซื้อขายในสัปดาห์หน้า)
บล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ยังต้องลุ้นกันทั้งสัปดาห์ แนวโน้มเงียบๆ เล่นตามตัวเลขเศรษฐกิจรายวัน กรอบ 1 ,270-1,300/1,315 จุด - การทะลุ 1,300 จุดอาจเกิดขึ้นได้ภายใต้ตัวเลขเศรษฐกิจที่กำลังประกาศทั้งสัปดาห์ออกมาดีกว่าคาด และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ปรับลดลง แต่หากดู Consensus ล่าสุดพบว่ามีเพียง China PMI เท่านั้นที่คาดว่าจะดีดขึ้นมาเหนือระดับ 50 จุด ซึ่งตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมารอแล้วที่ระดับ 1,300 จุด ในขณะที่ตลาดหุ้นจีนปิดทั้งสัปดาห์ ส่วนฮ่องกงเปิดอีกครั้งวันพุธ ทำให้ภาพตลาดสัปดาห์นี้เหมือนจะเงียบลงในทิศทาง Fund Flows แต่ด้านข้อมูลข่าวที่จะออกมาถือว่าคึกคัก และสาเหตุที่เรามอง Downside มากกว่ามาจากการประกาศตัวเลขสหรัฐฯ โดยเฉพาะการจ้างงานที่มีการคาดการณ์ว่าการจ้างงานในเดือนก.ย. ปรับขึ้นน้อยกว่าค่าเฉลี่ยใน 8 เดือนที่ผ่านมา ส่วนอัตราการว่างงานคาดว่าจะปรับขึ้นเป็น 8.2% อีกครั้ง ทำให้เรามองตลาดอาจตอบรับในทิศทางลบในช่วงปลายสัปดาห์ แต่ด้วยความหวังเรื่อง QEIII ที่เพิ่งประกาศออกไป ทำให้เรามองตลาดลงไม่แรง ส่วนประเด็นอื่นต้องจับตาการประมูลพันธบัตรในสเปนและอิตาลี (ยังต้องลุ้นสเปนแม้การทำ Stress Test ในกลุ่มธนาคารจะออกมาน่าพอใจ โดยมีการคาดการณ์ว่าสเปนเตรียมขอรับความช่วยเหลือในปลายเดือนนี้)
SET - เริ่มต้นไตรมาส 4 ด้วย Top Pick รายไตรมาส ERW STEC QH KTB SCC (รอซื้อที่ 345 หรือต่ำกว่า) และแนะนำซื้อ  SAMART

No comments:

Post a Comment