Tuesday, October 2, 2012

SINGER คืนชีพ!


SINGER คืนชีพ!
* ปิ๊งไอเดีย กลยุทธ์ "ป่าล้อมเมือง"


          
SINGER คืนชีพ! "บุญยง" เผยไม่ใช่เร่ขายแค่ตู้เย็นหรือเครื่องจักรเหมือนในอดีต แต่มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น จับตลาดเชิงพาณิชย์ จากอดีตที่เน้นขายแต่ครัวเรือน เก็บหนี้ยาก ส่งผลเอ็นพีแอลพุ่งปรี๊ดจนขาดทุนในปี 2006 คุยตั้งแต่ปี 2554 มาถึงปีนี้ธุรกิจแจ๋ว กำไรโตต่อเนื่อง ยอดขายทั้งในและนอกประเทศยังเริ่ด ใช้โมเดล "ป่าล้อมเมือง"กระจายสินค้าผ่านดีลเลอร์รอบจังหวัดชายแดน ล่าสุดวางแผนบุกพม่า ชี้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าสดใสมาก แต่ต้องลุ้นว่าปีนี้รัฐบาลพม่าจะไฟเขียวหรือไม่ ขณะที่รายย่อยเริ่มหูตาสว่าง รุมตอมหุ้น ซื้อขายคึกคัก สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็นกว่าพันราย จากอดีตที่ไม่มีใครเหลียวมอง 

* คาดกำไรปีนี้สูงกว่าปีก่อนชัวร์ หลังหันมาจับสินค้าเชิงพาณิชย์มากขึ้น ครึ่งทางฟันไปแล้ว 123 ลบ. 

          นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า คาดว่ากำไรของบริษัทฯ จะสูงกว่าปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 142.46 ล้านบาท หลังบริษัทฯ หันมาทำตลาดในสินค้าเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งจะเป็นสินค้าชิ้นใหญ่มีมูลค่าสูง และมีหนี้เสียเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจโดยในครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 123.79 ล้านบาท เกือบจะเท่าปีก่อนทั้งปี ดังนั้นเมื่อรวมผลงานในครึ่งปีหลังกำไรทั้งปีจะสูงกว่าปีก่อนแน่นอน 'กำไรปีนี้สูงกว่าปีก่อนแน่นอน แต่เท่าไหร่ยังไม่ขอให้ตัวเลข เพราะครึ่งปีแรกเราก็ทำได้เกือบเท่าปีที่แล้วทั้งปี' นายบุญยง กล่าว 

* กำไรไตรมาส 3 โต 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่รวมครึ่งปีหลังอาจต่ำกว่าครึ่งปีแรก ตามปัจจัยฤดูกาล

          นายบุญยง  กล่าวว่า คาดว่ารายได้ในไตรมาส 3 ปีนี้จะเติบโต 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่โดยรวมครึ่งปีหลังรายได้อาจจะต่ำกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาลเพราะครึ่งปีหลังจะเป็นฤดูฝนทำให้กระทบต่อกิจกรรมการเดินเท้าเข้าหาลูกค้าของตัวแทนจำหน่าย ซึ่งบริษัทฯจะพยายามทำผลงานครึ่งปีหลังให้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ด้วยการผลักดันสินค้าประเภทตู้แช่และเครื่องซักผ้า ซึ่งสามารถขายได้ตลอดโดยไม่ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ต่างจากเครื่องปรับอากาศซึ่งจะขายดีมากในครึ่งปีแรก เพราะเป็นช่วงของหน้าร้อน
          'เราพยายามทำให้รายได้ครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรกตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะปกติครึ่งปีหลังจะต่ำกว่า เราจึงออกสินค้าใหม่ในครึ่งปีหลัง ซึ่งเชื่อว่าปีนี้ตู้แช่กับเครื่องซักผ้าน่าจะช่วยได้ คือพอจะมีโมเมนตัมในการขับเคลื่อนยอดขายได้อยู่' นายบุญยง กล่าว

* ยอมรับ ห่วง ศก.โลกแย่ กระทบกำลังซื้อประชาชน

          นายบุญยง  กล่าวว่า ยอมรับว่าสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดในครึ่งปีหลังคือภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ ขณะที่ค่าครองชีพก็ปรับตัวสูงขึ้นตามค่าแรง ส่งผลให้การค้าขายเริ่มซึมๆ ซึ่งจากการออกสำรวจกับพ่อค้าแม่ค้าในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นกลุ่มฐานลูกค้าหลักของ SINGER เริ่มจะขายของได้ยากขึ้น
          ' ผมก็ดูอยู่ ยอมรับว่าเศรษฐกิจครึ่งปีหลังไม่ค่อยดี ส่งออกก็ถดถอย ซึ่งสุดท้ายจะกระทบต่อการจับจ่ายของผู้บริโภค' นายบุญยง กล่าว 

* เผยเหตุหุ้นพุ่ง เพราะนักลงทุนเข้าใจธุรกิจ ยันไม่ได้ขายแค่ตู้เย็นกับเครื่องจักรเหมือนในอดีต 

          นายบุญยง  กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นของบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการการที่นักลงทุนมั่นใจในผลงานของบริษัทฯ มากขึ้น หลังจากครึ่งปีแรกที่ประกาศผลประกอบการออกไป สามารถทำกำไรสุทธิได้ดีและมีนักวิเคราะห์จากหลายสำนักได้ออกมาเขียนวิเคราะห์หุ้นของบริษัทฯ ซึ่งต่างจากเมื่อ 6 ปีก่อนที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ไม่ได้ให้ความสนใจกับบริษัทฯ เนื่องจากช่วงนั้นเป็นวิกฤตเพราะบริษัทฯ ต้องประสบกับภาวะขาดทุน จึงทำให้มีเพียงนักลงทุนรายย่อยบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาซื้อหุ้นบริษัทฯ โดยมองว่าเป็นหุ้นที่มีโอกาสเทิร์นอะราวด์ แต่ปัจจุบันนักลงทุนรายย่อยหันมาสนใจหุ้นบริษัทฯ มากขึ้น สะท้อนได้จากจำนวนนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาถือหุ้นบริษัทฯ ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่มากกว่า 1,000 ราย ในช่วงปีที่แล้วต่อเนื่องจนถึงปีนี้
          'ปี 2554-2555 ผมสังเกตว่ามีนักลงทุนสนใจเรามากขึ้น จากการที่ไปให้ข้อมูลนักลงทุนเกี่ยวกับผลประกอบการในแต่ละไตรมาสที่ตลาดหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์ก็เข้ามาเต็มห้อง เชื่อว่าเขาเข้าใจบริษัทฯ มากขึ้น เมื่อเทียบกับอดีตที่เข้าใจว่า SINGER ขายตู้เย็นกับจักรเย็บผ้า แต่ปัจจุบันไม่ใช่ ทุกอย่างเปลี่ยน ระบบการทำงานก็เปลี่ยน พอทุกคนมาฟังก็เข้าใจ' นายบุญยง กล่าว

* แผนลงทุนพม่าอาจล่าช้าไม่ทันปีนี้ แต่ไม่ถอดใจเพราะตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าบูม 

          นายบุญยง กล่าวว่า บริษัทฯไม่แน่ใจว่าแผนการเข้าลงทุนในประเทศพม่าจะสรุปได้ทันสิ้นปีนี้หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลพม่าและพันธมิตรของบริษัทฯ ซึ่งเป็นดีลเลอร์ในประเทศพม่า เนื่องจากรัฐบาลพม่าต้องการจะสนับสนุนการเข้าไปลงทุนในรูปแบบของการตั้งโรงงานมากกว่า เพื่อที่จะทำให้มีการกระจายงานในประเทศพม่ามากขึ้น แต่ SINGER เข้าไปในรูปแบบของการเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเป็นประเด็นรองที่รัฐบาลพม่าให้ความสำคัญน้อยกว่า
          ส่วนพันธมิตรซึ่งอยู่ในประเทศพม่าซึ่งบริษัทฯเจรจาอยู่ เพราะต้องการจะให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ SINGER ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องของราคาและสินค้าที่จะนำเข้าไปจำหน่าย โดยดีลเลอร์มองว่าราคายังสูงไปเมื่อเทียบกับกำลังซื้อของประชาชนในประเทศพม่า
          ' ความยากคือ การเจรจากับพันธมิตรที่เขามีเครือข่ายในพม่า และนโยบายของรัฐบาลพม่าที่ให้ความสำคัญเรื่องการตั้งโรงงานมากกว่า เขาถึงจะผลักดันให้ โครงการที่จะเข้าลงทุนในพม่าเลยไม่เป็นไปตามที่เราคาดไว้ ซึ่งถามว่าปีนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ยังไม่แน่ใจ' นายบุญยง กล่าว
          อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดในต่างประเทศบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจไปที่ลาวนาน 17 ปีแล้ว เพราะมีความใกล้ชิดและมีความใกล้เคียงทางด้านภาษา SINGER มีตัวแทนจำหน่าย 7 รายอยู่ในประเทศลาว และการทำการตลาดต่างๆ ทำได้ง่าย
          นายบุญยง กล่าวต่อว่า จากการที่โครงการในพม่ายังยืดเยื้อ บริษัทฯจะใช้นโยบายป่าล้อมเมือง โดยที่ผ่านมาได้กระจาย 44 สาขาไปยัง 30 จังหวัดของไทยที่มีชายแดนติดกับ พม่า กัมพูชา และลาว ซึ่งโมเดลนี้แม้จะยังไม่เห็นผลชัดเจน แต่เริ่มเห็นยอดคำสั่งซื้อเกิดขึ้นบ้าง เพราะตลาดยังไม่ได้ครอบคลุมการเข้าไปบุกในใจกลางเมืองของประเทศนั้นๆ 

* โบรกฯ แนะซื้อ SINGER รับแนวโน้มกำไรดีต่อเนื่องคาดปีนี้กำไรโต 80% 

          บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า SINGER เราเริ่ม coverage ด้วยคำแนะนำ Strong Buy ประเมินราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 22.40 บาท SINGER กลับมา turnaround รอบใหญ่ด้วยกำไรที่คาดว่าจะเติบโตสูงถึง 80% ในปีนี้ และอีก 20-25% ต่อปีในปี 2013-14 จากการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ (กลุ่มตู้หยอดเหรียญ และทำความเย็น)การปรับราคาสินค้า ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง การควบคุมหนี้ที่มีประสิทธิภาพ และ ROE ที่สูงกว่า 24% 

* ผลงาน 3 ปียังโตต่อเนื่อง

          ทั้งนี้ หากพิจารณาจากผลประกอบการของ SINGER ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เริ่มจากปี 2552  253 และ 2554 กำไรอยู่ที่ 36.53 ล้านบาท 89.37 ล้านบาท และ 142.46 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่ปีนี้ผ่านมา 6 เดือน บริษัทฯ ทำกำไรได้ 123.79 ล้านบาท เกือบเท่าปีที่แล้วทั้งปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้บริหารได้ระบุว่า กำไรสุทธิปีนี้มีโอกาสแตะ 200 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปีของ SINGER หลังหันมาเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้จะมีวินัยในการผ่อนชำระจนถึงงวดสุดท้าย ซึ่งสร้างรายได้จากดอกเบี้ยให้กับบริษัทฯ เป็นกอบเป็นกำ
          ส่วนจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 27 มีนาคม 2555 อยู่ที่ 1,532 ราย หรือ 56.87% และผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกส่วนใหญ่เป็นคนไทยกระจายถือคนละ 1-2% มีเพียง SINGER (THAILAND)B.V. ที่ถือหุ้นมากที่สุดอันดับ 1 จำนวน 43.10% หรือ 116.37 ล้านหุ้น

No comments:

Post a Comment