Tuesday, October 9, 2012

DDใหม่THAIโชว์วิชั่น *สร้างรายได้ กำไร-เพิ่มเที่ยวบิน-ยืดหยุ่นค่าตั๋ว


 DDใหม่THAIโชว์วิชั่น
*สร้างรายได้ กำไร-เพิ่มเที่ยวบิน-ยืดหยุ่นค่าตั๋ว


        
 "สรจักร เกษมสุวรรณ" เปิดวิสัยทัศน์หลังเข้ารับตำแหน่ง DD คนใหม่ THAI พร้อมเสนอแผนงานปี 56 เข้าบอร์ดภายในเดือนธ.ค.55 ขณะเดียวกันยังป้อนคำหวานฝากถึง ผถห. เร่งเดินหน้าสร้างรายได้ หนุนกำไร โดยเตรียมเพิ่มเที่ยวบิน- ยืดหยุ่นค่าตั๋ว มั่นใจดันรายได้ Q4/55 โตต่อเนื่อง ด้านวงการหุ้นประสานเสียงเชียร์ซื้อ หลังมั่นใจทิศทางและนโยบายการดำเนินงานชัดเจนขึ้น ส่วนโค้งสุดท้ายปีนี้ลุ้นกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดของปี เหตุเป็น High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว

***"สรจักร เกษมสุวรรณ" เปิดวิสัยทัศน์ หลังนั่งดีดี THAI

         ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยหลังเข้ารับตำแหน่ง DD การบินไทยว่าอนาคตของบริษัทฯ ภายหลังจากที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนั้น จะเร่งดำเนินงาน 2 เรื่อง คือ 1. จะต้องเป็นสายการบินที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น นวัตกรรมในการให้บริการรูปแบบใหม่ที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับสายการบินได้เพิ่มมากขึ้น และ 2. การทำองค์กรการบินไทยให้เป็นองค์กรที่มีความคิดเชิงสร้างสรรค์ โดยให้บุคลากรภายในองค์กรมีส่วนร่วมในความคิดขององค์กรเพื่อความเป็นหนึ่งในการทำธุรกิจและเพื่อการระดมความคิดขององค์กรการบินไทยที่มีกว่า 2 พันคน
          นอกจากนี้ยังมีสิ่งเร่งด่วนที่ต้องทำในการสร้างให้สายการบินไทยมีเอกภาพมากขึ้น คือต้องเร่งทำให้สายการบินไทยมีอนาคตที่ดีกลับเข้ามาเท่าที่จะทำได้และทำให้บุคลากรภายในองค์กรรู้สึกถึงความเป็นธรรมภายในองค์กรและสร้างความเป็นธรรมเท่าที่จะทำได้เพื่อสร้างความทัดเทียมภายในองค์กร ขณะเดียวกันคาดว่าจะเสนอแผนการดำเนินงานในปี 2556 ของ THAI ให้เสร็จภายในเดือนธันวาคม 2555 ส่วนระหว่างนี้จะเข้าประชุมกับผู้บริหารของสายการบินไทยเพื่อดูเป้าหมายและวางกรอบยุทธศาสตร์ในการบริหารงาน รวมถึงการวางเป้าหมายในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร เพื่อกำหนดเป้าหมายและแผนงานในอนาคตต่อไป
          "การที่เข้ามารับตำแหน่ง DD ของการบินไทย เนื่องจากมองว่าการบินไทยเป็นองค์กรที่ถือทรัพย์สินของชาติหลายล้านล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมามีผลกระทบค่อนข้างมาก ประกอบกับชอบเครื่องบินตั้งแต่เรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และไปเรียนเกี่ยวกับการบินทั้งปริญญาตรีและปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ ซึ่งพอมีโอกาสตนจึงเข้ามาสมัครมาเป็นผู้บริหารของการบินไทย นอกจากนี้ยังขอปฏิเสธว่าไม่มีใบสั่งทางการเมืองให้เข้ามาบริหารในการบินไทย เพราะส่วนตัวก็คิดทบทวนอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว " ดร.สรจักร กล่าว
          อย่างไรก็ตาม มองว่าในองค์กรการบินไทยนั้น เป็นองค์กรแบบรัฐวิสาหกิจต้องมีผู้แทนจากทางภาครัฐเข้ามาอยู่ในองค์กรอยู่แล้ว ทั้งจากหน่วยงานการคลัง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น และหน่วยงานคมนาคม ซึ่งไม่สามารถปลอดจากการเมืองได้ ฉะนั้นจึงเห็นว่ารัฐวิสาหกิจเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลในการวางกฏนโยบายต่างๆ นอกจากนี้ยังต้องการฝากถึงผู้ถือหุ้นของ THAI ว่า บริษัทฯ มีโอกาสอีกมากที่จะสร้างรายได้และกำไร เพราะแม้ตลาดในกลุ่มประเทศยุโรปในปัจจุบันอาจมีปัญหา แต่เมื่อดูตัวเลขผู้โดยสารก็ยังคงอยู่ในอัตราที่ดี ส่วนภูมิภาคเอเชียและอาเซียนยังมีแนวโน้มเติบโตที่สูงขึ้น แต่ก็มีคู่แข่งที่สูงขึ้นเช่น
กัน
          "ทางการบินไทยก็มีบริการ Thai Smile ในการเข้าไปแข่งขันในภูมิภาคดังกล่าว โดยมีคู่แข่งทั้งจีน อินเดีย รวมถึงประเทศญี่ปุ่น แต่มองว่าการบินไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ โดยภารกิจแรกที่ต้องเร่งทำ คือ การหารายได้ให้เพิ่มมากขึ้น" ดร.สรจักร กล่าว
          นอกจากนี้ บริษัทฯ มีเครื่องบินใหม่ A380 ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะรับเครื่องบินใหม่ครบทั้งหมดในช่วงเดือนกรกฎาคม 2556 ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเร่งปรับโครงสร้างการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มยอดขายผ่านอินเตอร์เน็ตให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการบินไทยมียอดขายผ่านออนไลน์น้อยกว่าคู่แข่งทั่วไป โดยตั้งเป้ายอดขายผ่านออนไลน์เติบโต 10% จากเดิมที่มีอัตราส่วนเพียง 3-5% ต่อปี

***THAI คาดรายได้ Q4/55 โตต่อเนื่อง

          ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 4/2555 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ เตรียมเดินหน้ามาตรการเร่งด่วน คือ การเพิ่มรายได้ของการบินไทยให้มากขึ้นจากการเพิ่มเที่ยวบินและการยืดหยุ่นค่าตั๋ว โดยอาจมีการเปลี่ยนเที่ยวบินได้หากจองล่วงหน้า โดยเฉพาะมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้จากการจองตั๋วผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น
          " ปกติเที่ยวบินแต่ละเที่ยวจะมีที่นั่งเหลือประมาณ 20% ซึ่งพอสำหรับการทำโปรโมชั่นของตั๋วออนไลน์ โดยสามารถปรับโครงสร้างราคาตั๋วให้หลากหลายมากกว่าเดิม เพื่อเพิ่มความสนใจของลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการทำการตลาดผ่านระบบออนไลน์ให้มากขึ้นตามไปด้วย" ดร.สรจักร กล่าว
          นอกจากนี้บริษัทฯ ยังจะปรับปรุงคุณภาพการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งมุ่งเน้นเอกลักษณ์ความเป็นไทยภายใต้โครงการไทยแลนด์แบรนด์ดิ้ง โดยส่งเสริมเอกลักษณ์ความเป็นไทยบนสายการบิน เช่น การสนับสนุนสินค้าโอทอปบนสายการบิน ประกอบกับเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยบนสายการบิน หรือ Thai Restaurant in Sky ให้เป็นที่รู้จัก เพื่อสร้างจุดขายของสายการบินดึงดูดลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
         "ยุทธศาสตร์ของเราที่จะต้องเร่งทำคือ การส่งเสริมความเป็นไทยบนสายการบิน ซึ่งประเทศไทยมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง โดยมองว่ามีโอกาสอีกมากในการสร้างความแตกต่างบนสายการบิน ซึ่งประเทศไทยมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองอยู่แล้ว จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้มาใช้สายการบินไทยเพิ่มมากขึ้น" ดร.สรจักร กล่าว

***เปิดประวัติ "สรจักร เกษมสุวรรณ"

          ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ เกิดวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2498 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 แผนกศิลป์ภาษา โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ.2516 จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และสอบชิงทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นได้รับปริญญาโท ทางนิติศาสตร์ จาก University College, London, University of London เมื่อปี พ.ศ.2524 และได้รับปริญญาเอกทางกฏหมายจาก London School of Economics, University of London ในปีพ.ศ.2530 โดยระหว่างศึกษาต่อ ได้ทำงานเป็นโฆษกสถานีวิทยุบีบีซี ภาคภาษาไทย ประจำกรุงลอนดอน ซึ่งถือเป็นงานแรกในวงการสื่อสารมวลชน
          จากนั้นดร.สรจักร ได้เดินทางกลับมารับราชการในตำแหน่งเลขานุการเอก กรมการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ ในปี พ.ศ.2535 ก่อนจะลาออกไปเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย แต่เป็นอาจารย์ได้เพียง 3 ปี ก็ลาออกไปรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บมจ.มีเดีย พลัส ได้เพียง 1 ปี ตัดสินใจเดินกลับสู่รั้วมหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่งในฐานะ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ซึ่งเป็นการทำงานในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท. หรือ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT
          ทั้งนี้ ดร.สรจักร เป็นผู้ที่มีความโดดเด่นในแวดวงวิชาการเป็นอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ทำงานคลุกคลีกับงานด้านสื่อสารมวลชนและแวดวงบันเทิง โดยลักษณะงานที่ทำ เช่น ทำงานแปลข่าว ผู้อ่านข่าว ผู้จัดการรายการวิทยุ เขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์และละคร ซึ่งเคยรับบท ดร.ตรอง ในภาพยนตร์เรื่อง "ทวิภพ" ด้านงานสังคมและการเมือง ดร.สรจักร ได้ร่วมงานอย่างสม่ำเสมอ โดยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านแนวคิดเพื่อการพัฒนา ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กรรมการในคณะกรรมการ ปฏิรูปการเมือง กรรมการมูลนิธิผู้หญิง กับการเมือง และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล

***ASP แนะซื้อ THAI รับ "สรจักร เกษมสุวรรณ" นั่งเก้าอี้ดีดี

          บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่าจากกรณีที่ ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ เข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) คนใหม่ ของ THAI แม้ประวัติการทำงานที่ผ่านมาของ ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ จะมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจการบินไม่มากนัก โดยส่วนใหญ่วงการที่คลุกคลีนั้นอยู่ในกลุ่มแวดวงนักวิชาการด้านกฏหมายและอุตสาหกรรมสื่อสารมวลชนและบันเทิงเป็นหลัก แต่ฝ่ายวิจัยมองว่า จุดแข็งด้านการสื่อสารมวลชนจะเป็นจุดเด่นที่ช่วยแก้ปัญหาให้ด้านการตลาดให้ THAI ที่ปัจจุบันเป็นรองคู่แข่ง อาทิ แอร์เอเชีย หรือ กลุ่มสายการบินตะวันออกกลางค่อนข้างมากได้ เมื่อบวกกับที่ ฝ่ายวิจัยมองว่ากลไกการทำงานในฝ่ายอื่นๆ ของ THAI ล้วนอยู่ในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะในด้านต้นทุนที่กลยุทธ์การควบคุมต้นทุนน้ำมันยังคงมีประสิทธิภาพสูง สะท้อนจากต้นทุนน้ำมันที่มีแนวโน้มต่ำกว่าราคาตลาดโลกในปีนี้
           นอกจากนี้ยังคาดว่าผลประกอบการของ THAI จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่องนับจากงวดไตรมาส 3/2555 ที่ปริมาณผู้โดยสารกลับมาฟื้นตัว จนคาดว่าจะหนุนให้ Cabin Factor มีแนวโน้มสูงถึงราว 77% - 78% เกินกว่าจุดคุ้มทุนในงวดไตรมาส 3/2555 ที่ 75% ขณะที่คาดผลบวกจากการกลับเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวไทยในทุกไตรมาสที่ 4 ของปี เมื่อบวกกับจุดแข็งของกรรมผู้อำนวยใหญ่คนใหม่ด้านการตลาด ฝ่ายวิจัยจึงเชื่อมั่นว่ากำไรปกติ THAI จะมุ่งสู่จุดพีคได้ในงวดไตรมาส 4/2555 โดยรวมแล้วทำให้ฝ่ายวิจัยยังคาดว่ากำไรงวด 2H55 มีแนวโน้มดีกว่า 1H55 ค่อนข้างมาก ขณะที่ในส่วนของการเปลี่ยนสัญญาพนักงานข้างต้น แม้ฝ่ายวิจัยจะอยู่ระหว่างตรวจสอบกับ THAI แต่เบื้องต้นคาดว่าจะมีผลกระทบไม่มาก เนื่องจากตามปกติพนักงานกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่จะได้รับการต่อสัญญาอยู่แล้ว ทำให้ต้นทุนไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ฝ่ายวิจัยจึงยังคงประมาณการปัจจุบัน และคำแนะนำซื้อ ภายใต้มูลค่าพื้นฐานปัจจุบันที่ 26.0 บาทต่อหุ้น

***MBKET แนะซื้อเก็งกำไรหุ้น THAI

          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI มีปัจจัยบวกระยะสั้นคือการแต่งตั้ง ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ จึงเชื่อว่าจะทำให้ตลาดมีความมั่นใจต่อทิศทางและนโยบายของบริษัทที่ชัดเจนขึ้น รวมทั้งการเปิดให้บริการเส้นทางบินของแอร์บัส A380 ในเส้นทาง กรุงเทพ –ฮ่องกง และสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. เป็นต้นไป เชื่อว่าจะส่งผลบวกในระยะยาวจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนที่สูงกว่าเครื่องบิน Boeing 747
          นอกจากนี้ยังประเมินเบื้องต้นว่าผลประกอบการไตรมาส 3/2555 จะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิราว 800-1,000 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 1,526 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2555 ที่ผ่านมา และกำไรสุทธิไตรมาส 4/2555 มีแนวโน้มทำระดับสูงสุดของปี เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจท่องเที่ยวและราคาหุ้นมี Downside Risk ที่จำกัด เนื่องจากซื้อขายที่ PBV 2555 เพียง 0.7 เท่า และลดลงเหลือ 0.6 เท่า ในปี 2556 ต่ำกว่าช่วงวิกฤตท่องเที่ยวในปี 2551 ที่มีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งยังซื้อขายที่ PBV ระดับ 0.77 เท่า จึงแนะนำซื้อเก็งกำไร โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 24.00 บาทต่อหุ้น

***FSS คาด THAI พลิกเป็นกำไร 500-1000 ลบ.ใน Q3/55

          บล.ฟินันเซียไซรัส เปิดเผยว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/2555 ของ THAI ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรราว 500-1,000 ล้านบาท ดีขึ้นจากไตรมาส 2/2555 ที่ขาดทุน 1.5 พันล้านบาท โดย Cabin factor ในไตรมาส 3/2555 อยู่ที่ 76.8% ดีขึ้นจากไตรมาส 2/2555 ที่ 75.1% และคาดว่า Passenger Yield จะปรับตัวดีขึ้นจากโปรโมชั่นที่ลดลงและคาดว่าค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงจากการทำ Hedging ไว้ล่วงหน้า ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2555 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3/2555 เนื่องจากเป็นช่วง High season ฉะนั้นจึงยังคงแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายปีนี้ไว้ที่ 28 บาทต่อหุ้น

***บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส มั่นใจธุรกิจ THAI ชัดเจน หลังตั้ง DD คนใหม่

          บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส เปิดเผยว่าเป็นไปตามคาดที่ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) ของ THAI เพราะเป็นผู้สมัครรายเดียวที่ผ่านคุณสมบัติการคัดเลือก นับตั้งแต่ 14 ก.ย. 2555 เป็นการดำรงตำแหน่งต่อจาก ดร. ปิยะสวัสดิ์ อมระนันทน์ ที่พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2555 โดยฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่าจะเป็นบวกต่อบริษัทดังกล่าว เพราะ THAI จะมีการทำธุรกิจในทิศทางที่มีความชัดเจนมากขึ้นจากการนำของดีดีคนใหม่ โดยเฉพาะปัจจุบันอุตสาหกรรมการบินนั้นมีการแข่งขันที่รุนแรงมาก ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ ซื้อหุ้น THAI โดยให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 24.80 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็น P/BV ปี 2555 ที่ 0.8 เท่า (ค่าเฉลี่ย 5 ปี) ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายด้วยส่วนลดจาก P/BV ปี 55 ที่มากเป็นเพียง 0.6 เท่า THAI เป็นหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์เต็มที่ในยามที่อุตสหกรรมการท่องเที่ยวของไทยแข็งแกร่งและเป็นที่คาดหวังว่าจะมีการฟื้นตัวในด้านการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี
***ทริสเรทติ้ง ให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ THAI ที่ A+

           บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 7,000 ล้านบาท ของ THAI ที่ระดับ 'A+' และยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัท ที่ระดับ 'A+' ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง 'Stable' หรือ 'คงที่' บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดไถ่ถอน และใช้เป็นทุนสำหรับการดำเนินงาน และการลงทุนในอนาคต
          อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจการบินระหว่างประเทศ ในเส้นทางที่บินเข้าและออกจากประเทศไทย และการได้รับประโยชน์จากการเป็นสมาชิก Star Allianceซึ่งเป็นเครือข่ายพันธมิตรสายการบินที่ใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการมีภาระหนี้ที่ค่อนข้างสูงและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผันผวน รวมถึงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและเหตุการณ์ต่างๆ ที่กระทบต่อธุรกิจสายการบิน เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และความไม่สงบทางการเมือง รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งจากสายการบินทั่วไป และสายการบินต้นทุนต่ำ ที่จะกดดันอัตรารายได้ต่อผู้โดยสาร-กิโลเมตร อย่างต่อเนื่อง ทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลาง แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนถึงความคาดหมายว่า บริษัทการบินไทย จะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจการบินระหว่างประเทศ ที่มีประเทศไทยเป็นจุดเริ่มต้นเอาไว้ได้

No comments:

Post a Comment